วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2552




เราเริ่มด้วยตำนานบทแรก คือตำนานเสาร้องให้ เมือประมาณปี 2501 ในคืนแห่งความมืดวันหนึ่ง นางเฉลียว จันทร์ประสิทธิ์ชาวบ้านผู้ใจบุญ ได้ฝันว่ามีหญิงคนหนึ่ง รูปร่างเลือนรางบอกว่าเป็นนางไม้ประจำเสาที่จมน้ำอยู่ ให้บอกสามีเอาเสาขึ้นมาจากน้ำด้วย นายเผ่าผู้เป็นสามีก็ไม่เชื่อ มีคน เล่าต่อกันมาว่า นางไม้ของเสาต้นนี้ได้ไปเข้าทรงกับผู้อื่นอีกหลายครั้งจนในที่สุดชาวบ้านหลายคนก็ได้ไปร้องขอให้นายเผ่าเอาเสาต้นนี้ขึ้นมาให้ได้ ตามคำล่ำลือ จนนำมาสู่การนำเอาเสาขึ้นมาจากน้ำ เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2501 และในวันนี้เอง ได้รับคำลอกเล่าจากนายจำลอง ขาววรรณะ ว่า ในวันที่ 23 เมษายน 2501 แดดร้อนจัดมากขณะที่กำลัง นำเสาขึ้นจากน้ำ ฉับพลันท้องฟ้าก็มืดครื้มไปหมดทันที มีเสียงฝ่าผ่าดังมากเป็นประกายสีเขียวไปทั่ว เสียงฟ้าร้องคำรามทำท่าคล้ายฝนจะตก ทำให้ผู้คนที่มาเข้าร่วมพิธีกันเป็นจำนวนมากต่างตื่นตาตื่นใจและดีใจกันทั่วหน้าที่สามารถนำเสาศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาจากน้ำได้ในที่สุด

มีคำบอกเล่าต่อกันมาว่าเสาตะเคียนต้นนี้ เป็นเสาที่จะนำไปเป็นเสาเอกในสมัยสร้างกรุงเทพเป็นราชธานี โดยถูกส่งลอยน้ำมาในแม่น้ำป่าสัก แต่การเดินทางช้าไป ทางกรุงเทพจึงได้เลือกเสาต้นอื่นเป็นเสาเอกแทน เสาต้นนี้จึงลอยทวนน้ำมาจมอยู่บริเวณคุ้งน้ำป่าสัก อ.เสาไห้ และในยามค่ำคืนมักมีชาวบ้านได้ยินเสียงร้องให้ขึ้นมาจากท้องน้ำป่าสัก จึงกลายมาเป็นตำนานเสาร้องให้ซึ่งชาวอ.เสาไห้เชื่อว่าเป็นเสียงร้องจากเจ้าแม่ตะเคียนทอง เป็นเรื่องเล่าและความเชื่อมาจนถึงทุกวันนี้
ในวันที่ 23 เมษายน 2501 เป็นวันที่เชิญเสาไปประดิษฐานที่วัดสูง เวลา 9.00 น. เริ่มพิธีเคลื่อนเสาไปสู่วัดสูง โดยตั้งศาลสูงเพียงตา มีหัวหมูซ้ายขวา บายศรี 3 ชั้น ใช้ด้ายสายสิญจน์ผูกที่เสาแล้วใช้เชือกผูกแพที่รับเสาไห้ประชาชนดึง เมื่อได้ฤกษ์ พระสงฆ์ 9 รูปเจริญชัยมงคลคาถา ประชาชนที่อยู่บนฝั่งหน้าที่ว่าการอำเภอเสาไห้ก็ดึงเชือกแพลูกบวบให้เคลื่อนไปทางทิศตะวันออก มีเรือแตรวงนำขบวน มีเรือต่างๆร่วมขบวนอีกเป็นจำนวนมาก
เมื่อได้เคลื่อนแพเสามาถึงท่าถนนข้างโรงสีเสาไห้แล้ว ก็ใช้เกวียน 4 เล่ม ผูกเสาไว้ใต้เกวียนแล้วมัดยอดเสาไห้พ้นดินเล็กน้อย ผูกด้วยเชือกโยงเรือขนาดใหญ่มัดจากเกวียนไปให้ถึงประชาชนเสาก็เคลื่อนไปข้างหน้าด้วยดี เมื่อขบวนมาถึงใกล้ศาลเจ้าพ่อซึ่งอยู่ทางแยกเข้าวัดสูงนั้น แม้จะดึงฉุดอย่างไรเกวียนก็ไม่ยอมเคลื่อนที่ทั้งที่ถนนราบเรียบ จึงได้พยายามแก้ไขจนเสียเวลาไปถึง 2 ชั่วโมง นายเผ่า จันทร์ประสิทธิ์ ก็ระลึกได้ว่า เมื่อนางไม้เริ่มเข้าทรงครั้งแรกนั้นได้บอกเพียงว่าใช้สายสิญจน์ให้ประชาชนดึงแทนเชือก จึงได้เปลี่ยนมาใช้ด้ายสายสิญจน์แทนเชือกใหญ่ ขบวนเกวียนก็สามารถเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างง่ายดายเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก 10 นาทีก็ถึงวัดสูง เมื่อเวลา 14.30 น. บังเกิดความประหลาดใจโดยทั่วกัน จากนั้นก็นำเสาประดิษฐานไว้ที่ศาลชั่วคราว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น