วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2552


ต้นไม้ลดไอร้อน

เมืองไทยเราสมัยนี้ฤดูกาลเอาแน่นอนไม่ได้เลย เพราะไม่ว่าฤดูไหน อากาศก็ยังคงเป็นร้อน ร้อน แล้วก็ร้อน บางบ้านก็อาศัยอาบน้ำบ่อยๆเอา บางบ้านก็พึ่งพัดลม ซึ่งบางครั้งก็เหมือนเอาลมร้อนมาพัดใส่ตัวนั่นเอง บ้านไหนที่ทนไม่ไหวติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ก็ต้องจำยอมจ่ายค่าไฟฟ้าเพื่อความเย็นฉ่ำ แต่ทราบมั้ยคะว่า ต้นไม้ที่เราปลูกนอกจากจะให้ดอก ผล เกิดความสวยงามแก่บ้านเรือนแล้ว ยังช่วยเราลดความร้อนในบ้าน ช่วยให้ประหยัดค่าไฟฟ้าได้ด้วย เพราะนอกจากร่มเงาของต้นไม้ที่จะบังแดดและไอร้อนลดการสะสมความร้อน ในผนังอาคาร แล้ว ต้นไม้ยังคายออกซิเจนและไอน้ำ ช่วยลดอุณหภูมิและไอร้อนด้วย


เพลี้ยแป้ง

เพลี้ยแป้งเป็นแมลงชนิดปากดูด ลำตัวอ่อนนุ่ม มีสีต่างๆ กัน ขนาดประมาณ 1-5 ม.ม. ถ้ามองจากภายนอกจะเห็นว่ามีสีขาวลักษณะคล้ายแป้ง เกิดจากการกลั่นสารบางชนิดออกมาปกคลุมตัวเอง เพื่อพรางตัวตามธรรมชาติ ส่วนใหญ่จะพบตามยอดอ่อน โคนใบอ่อน ช่อดอก ใต้ใบ กิ่งก้าน มักไม่ค่อยทำลายไม้ประเภทที่แข็งแรงเป็นไม้ยืนต้น


ความเชื่อที่ไม่นิยมปลูกลั่นทมในบ้าน

ลั่นทมจะมีลำต้นใหญ่งดงาม กลีบดอกสวยงามละมุนตากลิ่นหอมจับใจ และมีคุณลักษณะเป็นพืชสมุนไพรด้วย โดยอ่านรายละเอียดได้ที่ http://www.poojar.com/mcontents/marticle.php?headtitle=mcontents&id=30041&Ntype=1แต่คนไทยไม่นิยมปลูกลั่นทมเอาไว้ในบ้าน เพราะเชื่อกันว่า ชื่อของต้นไม้ชนิดนี้ไม่เป็นมงคล เพราะคำว่าลั่นทมหากฟังเผินๆ ก็ใกล้เคียงกับคำว่าระทมมากเลยทีเดียว จนเชื่อกันว่า หากใครปลูกต้นลั่นทมไว้ในบ้าน คนทั้งบ้านก็จะมีแต่ความระทมทุกข์ จึงมักพบเห็นต้นลั่นทม ในเขตของโบสถ์และวัดวาอาราม หรือตามหลุมฝังศพ และสถานที่ราชการเท่านั้น แต่ก็มีคนนำมาปลูกกันในบ้าน เพียงแต่เปลี่ยนชื่อเรียกกันว่า ลีลาวดีแทน

สวนน้ำ

สวนน้ำ (Water Garden) อาจแบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ สวนที่จัดในน้ำ จะเป็นบนผิวน้ำ หรือ ใต้ผิวน้ำก็ได้ ต้นไม้ที่จะใช้ ต้องเป็นต้นไม้ที่มีธรรมชาติอยู่ในน้ำ หรือ แช่น้ำได้ อาจเป็นไม้น้ำชนิดต่าง ๆ เช่น อเมซอน บัว กก ปรงสวน เตยหอม โมก ชุมเห็ด หรือ ผักตบ เป็นต้น หากจัดใต้น้ำเป็นลักษณท้องทะเล ก็อาจมีกรวด กิน ทราย ปะการัง หรือเปลือกหอยประกอบ หาก จัดเป็นบ่อ เป็นลำธารคงจะมีหิน มีกรวด มีเกาะแก่ง แต่จะมีอีกประ เภท คือ สวนประกอบน้ำ คือการจัดสวนประกอบบ่อ ลำธาร น้ำตก การเลือกใช้ต้นไม้ นอกจากต้น ไม้ที่สามารถขึ้นอยู่ในน้ำและชายน้ำดังกล่าวแล้ว อาจใช้ต้นไม้ที่ตามธรรมชาติขึ้นบนพื้นดินแต่ให้มีลักษณะและ รูปฟอร์ม ประสานกลมกลืนไปกับบรรยากาศริมน้ำได้ เช่น ไทร ไผ่ หลิว มะพร้าว เป็นต้น สวนน้ำหรือ สวนประกอบน้ำ ถ้ามีสะพานให้เดินเล่นเพิ่มความเพลิดเพลิน แต่ต้องตามมาด้วยการดูแลรักษามากขึ้นเป็นพิเศษ

พรรณไม้มีพิษ

ต้นไม้บางอย่างก็มีพิษ ในที่นี้อาจหมายถึง ยางมีพิษ หรือการได้รับพิษจากการกิน แต่ถ้าไม่ไปโดนส่วนที่เป็นพิษก็ไม่เป็นอะไร ได้แก่

กระบองเพชร หนามเป็นอันตราย
ข่อย เปลือกของผลทำให้คัน
เข็มอาดัม เข็มกุดั่น ปลายใบแหลมคม รากมีพิษ
เจตมูลเพลิงขาว รากยางมีพิษคัน
ดองดึงส์ หัวสดๆ รัปประทานเป็นพิษ
ตีนเป็ดน้ำ เมล็ดเป็นพิษ
เต่าร้าง ยางจากผลทำให้คัน
ตำแยช้าง ต้นมีขนเป็นพิษคัน
บานเย็น รากและเมล็ดเป็นพิษ
โป๊ยเซียน หนามและน้ำยางมีพิษ
โพทะเล น้ำยางของต้นมีพิษ
พญาไร้ใบ น้ำยางมีพิษคัน ถูกตาอาจบอดได้
มะกล่ำตาหนู สีแดงหุ้มเมล็ดเป็นพิษ รากเป็นพิษ
ยี่โถ น้ำยางและรากเป็นพิษ
รำเพย น้ำยางและผลเป็นพิษ
ลำโพง หนามของผลและเมล็ดมีพิษ
สาวน้อยประแป้ง ยางของต้นทำให้คัน ถูกลิ้นจะชา
สลัดใดป่า น้ำยางมีพิษคัน ถูกตาอาจบอด
หางไหลแดง เปลือก ดอก รากเป็นพิษ

ไม้วงศ์ไผ่

ไผ่เป็นไม้มงคล เชื่อกันว่าจะทำให้คนในบ้านมีจิตใจดี เป็นคนซื่อตรง ไม่คดโกงหรือเอารัดเอาเปรียบใคร ไม่ว่าจะประกอบอาชีพอะไร ก็จะตั้งใจทำ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และมีคุณธรรม มีความสุข ความเจริญ

ไม้วงศ์ไผ่ ที่นิยมใช้จ้ดสวนได้แก่
ไผ่จีน
ไผ่ดำ
ไผ่ด่าง
ไผ่ตง
ไผ่เตี้ย
ไผ่น้ำเต้า
ไผ่ป่า
ไผ่เพ็ก
ไผ่รวกเล็ก
ไผ่เลี้ยง
ไผ่สีสุก
ไผ่เหลือง
ไผ่เหลืองทอง
ไผ่หลอด
ไผ่หวานเมืองน่าน
ไผ่หวานเมืองเลย


ภาวะโลกร้อน ความจริงช็อกโลก!!!

ภาวะโลกร้อน หมายถึง ภาวะที่อุณหภูมิโดยเฉลี่ยของโลกสูงขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง ภาวะโลกร้อนอาจจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของปริมาณฝน ระดับน้ำทะเล และมีผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อพืช สัตว์ และมนุษย์ที่มาของภาวะโลกร้อน

ภาวะโลกร้อน (Global Warming) หรือ ภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง (Climate Change) คือ การที่อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นจากผลของภาวะเรือนกระจก หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อว่า Greenhouse Effect โดยภาวะโลกร้อน ซึ่งมีต้นเหตุจากการที่มนุษย์ได้เพิ่มปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการเผาไหม้เชื้อเพลิงต่างๆ, การขนส่ง และการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม
นอกจากนั้นมนุษย์เรายังได้เพิ่มก๊าซกลุ่มไนตรัสออกไซด์ และคลอโรฟลูโรคาร์บอน (CFC) เข้าไปอีกด้วยพร้อมๆ กับการที่เราตัดและทำลายป่าไม้จำนวนมหาศาลเพื่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่มนุษย์ ทำให้กลไกในการดึงเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกไปจากระบบบรรยากาศถูกลดทอนประสิทธิภาพลง และในที่สุดสิ่งต่างๆ ที่เราได้กระทำต่อโลกได้หวนกลับมาสู่เราในลักษณะของ ภาวะโลกร้อน ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน
ปรากฏการณ์ทั้งหลายเกิดจากภาวะโลกร้อนขึ้นที่มีมูลเหตุมาจากการปล่อยก๊าซพิษต่าง ๆ จากโรงงานอุตสาหกรรม ทำให้แสงอาทิตย์ส่องทะลุผ่านชั้นบรรยากาศมาสู่พื้นโลกได้มากขึ้น ซึ่งนั่นเป็นที่รู้จักกันโดยเรียกว่า สภาวะเรือนกระจก
พลังงานจากดวงอาทิตย์เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า มีทั้งรังสีคลื่นสั้นและคลื่นยาว บรรยากาศของโลกทำหน้าที่ปกป้องรังสีคลื่นสั้นไม่ให้ลงมาทำอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตบนพื้นโลกได้ โมเลกุลของก๊าซไนโตรเจนและออกซิเจนในบรรยากาศชั้นบนสุดจะดูดกลืนรังสีแกมมาและรังสีเอ็กซ์จนทำให้อะตอมของก๊าซในบรรยากาศชั้นบนมีอุณหภูมิสูง และแตกตัวเป็นประจุ (บางครั้งเราเรียกชั้นบรรยากาศที่เต็มไปด้วยประจุนี้ว่า "ไอโอโนสเฟียร์" มีประโยชน์ในการสะท้อนคลื่นวิทยุสำหรับการสื่อสาร) รังสีอุลตราไวโอเล็ตสามารถส่องผ่านบรรยากาศชั้นบนลงมา แต่ถูกดูดกลืนโดยก๊าซโอโซนในชั้นสตราโตสเฟียร์ที่ระยะสูงประมาณ 19 - 48 กิโลเมตร แสงแดดหรือแสงที่ตามองเห็นสามารถส่องลงมาถึงพื้นโลก รังสีอินฟราเรดถูกดูดกลืนโดยก๊าซเรือนกระจก เช่น ไอน้ำและคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นโทรโปสเฟียร์ ส่วนคลื่นไมโครเวฟและคลื่นวิทยุในบางความถี่สามารถส่องทะลุชั้นบรรยากาศได้
สำหรับ บรรยากาศของโลกประกอบด้วยก๊าซไนโตรเจน 78% ก๊าซออกซิเจน 21% ก๊าซอาร์กอน 0.9% นอกนั้นเป็นไอน้ำ และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนเล็กน้อย แม้ว่าไนโตรเจน ออกซิเจน และอาร์กอนจะเป็นองค์ประกอบหลักของบรรยากาศ แต่ก็มิได้มีอิทธิพลต่ออุณหภูมิของโลก ในทางตรงกันข้ามก๊าซโมเลกุลใหญ่ เช่น ไอน้ำ คาร์บอนไดออกไซด์ และมีเทน แม้จะมีอยู่ในบรรยากาศเพียงเล็กน้อย กลับมีความสามารถในการดูดกลืนรังสีอินฟราเรด และมีอิทธิพลทำให้อุณหภูมิของโลกอบอุ่น เราเรียกก๊าซพวกนี้ว่า "ก๊าซเรือนกระจก" (Greenhouse gas) เนื่องจากคุณสมบัติในการเก็บกักความร้อน หากปราศจากก๊าซเรือนกระจกแล้ว พื้นผิวโลกจะมีอุณหภูมิเพียง -18 องศาเซลเซียส ซึ่งนั่นก็หมายความว่าน้ำทั้งหมดบนโลกนี้จะกลายเป็นน้ำแข็งก๊าซและสารที่มีผลกระทบต่อภาวะโลกร้อน ก๊าซและสารที่มีผลกระทบต่อภาวะโลกร้อน มีทั้งหมด 6 ชนิด ได้แก่ ไอน้ำ (H2O) เป็นก๊าซเรือนกระจกที่มีมากที่สุดบนโลก มีอยู่ในอากาศประมาณ 0- 4% ขึ้นอยู่กับลักษณะภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และอุณหภูมิ ในบริเวณเขตร้อนใกล้เส้นศูนย์สูตรและชายทะเลจะมีไอน้ำอยู่มาก ส่วนในบริเวณเขตหนาวแถบขั้วโลก อุณหภูมิต่ำ จะมีไอน้ำในบรรยากาศเพียงเล็กน้อย ไอน้ำเป็นสิ่งจำเป็นต่อสิ่งมีชีวิต ไอน้ำเป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักรน้ำในธรรมชาติ น้ำสามารถเปลี่ยนสถานะไปมาทั้ง 3 สถานะ จึงเป็นตัวพาและกระจายความร้อนแก่บรรยากาศและพื้นผิว
ไอน้ำเกิดจากโดยฝีมือมนุษย์ 2 วิธี คือ จากการเผาไหม้เชื้อเพลิงหรือก๊าซธรรมชาติ และจากการหายใจและคายน้ำของสัตว์และพืชในการทำเกษตรกรรม ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ในยุคเริ่มแรกของโลกและระบบสุริยะ มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศถึง 98% เนื่องจากดวงอาทิตย์ยังมีขนาดเล็กและแสงอาทิตย์ยังไม่สว่างเท่าทุกวันนี้ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ช่วยทำให้โลกอบอุ่น เหมาะสำหรับเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิต ครั้นกาลเวลาผ่านไปดวงอาทิตย์มีขนาดใหญ่ขึ้น น้ำฝนได้ละลายคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศลงมายังพื้นผิว แพลงก์ตอนบางชนิดและพืชตรึงก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ มาสร้างเป็นอาหารโดยการสังเคราะห์ด้วยแสง ทำให้ภาวะเรือนกระจกลดลง โดยธรรมชาติก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เกิดขึ้นจากการหลอมละลายของหินปูน ซึ่งโผล่ขึ้นมาจากปล่องภูเขาไฟ และการหายใจของสิ่งมีชีวิต
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มีปริมาณเพิ่มขึ้น เนื่องจากการเผาไหม้ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การเผาไหม้เชื้อเพลิง โรงงานอุตสาหกรรม การเผาป่าเพื่อใช้พื้นที่สำหรับอยู่อาศัยและการทำปศุสัตว์ เป็นต้น โดยการเผาป่าเป็นการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศได้โดยเร็วที่สุด เนื่องจากต้นไม้มีคุณสมบัติในการตรึงก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไว้ก่อนที่จะลอยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ ดังนั้นเมื่อพื้นที่ป่าลดน้อยลง ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จึงลอยขึ้นไปสะสมอยู่ในบรรยากาศได้มากยิ่งขึ้น และทำให้พลังงานความร้อนสะสมบนผิวโลกและในบรรยากาศเพิ่มขึ้นประมาณ 1.56 วัตต์/ตารางเมตร (ปริมาณนี้ยังไม่คิดรวมผลกระทบที่เกิดขึ้นทางอ้อม) ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ ( co2) มาจากประเทศไหนมากที่สุด
จากตัวเลขที่ได้สำรวจล่าสุดนั้นเรียงตามลำดับประเทศที่ปล่อยควันพิษของโลกมีปริมาณสะสมมาตั้งแต่ปี 1950 ดังนี้
- สหรัฐอเมริกา 186,100 ล้านตัน
- สหภาพยุโรป 127,800 ล้านตัน
- รัสเซีย 68,400 ล้านตัน
- จีน 57,600 ล้านตัน
- ญี่ปุ่น 31,200 ล้านตัน
- ยูเครน 21,700 ล้านตัน
- อินเดีย 15,500 ล้านตัน
- แคนาดา 14,900 ล้านตัน
- โปแลนด์ 14,400 ล้านตัน
- คาซัคสถาน 10,100 ล้านตัน
- แอฟริกาใต้ 8,500 ล้านตัน
- เม็กซิโก 7,800 ล้านตัน
- ออสเตรเลีย 7,600 ล้านตัน
เศรษฐกิจพอเพียง

หัวใจของโครงการ คือ "เศรษฐกิจพอเพียง" ซึ่งเป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดนานกว่า 25 ปี ตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ และเมื่อภายหลังได้ทรงเน้นย้ำแนวทางการแก้ไขเพื่อให้รอดพ้นและสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์และความเปลี่ยนแปลงต่างๆ
"เศรษฐกิจพอเพียง" เป็นปรัชญาชี้ถึงแนวการดำรงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินไปใน "ทางสายกลาง" โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์
"เศรษฐกิจพอเพียง"หมายถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจำเป็นที่จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควร ต่อการมีผลกระทบใด ๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายใน ทั้งนี้จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบและความระมัดระวังอย่างยิ่งในการนำวิชาการต่างๆมาใช้ในการวางแผนและดำเนินการทุกขั้นตอน และขณะเดียวกันจะต้องเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ นักทฤษฎี และนักธุรกิจในทุกระดับ ให้มีสำนึกในคุณธรรมความซื่อสัตย์สุจริต และให้มีความรอบรู้ที่เหมาะสม ดำเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติ ปัญญาและความรอบคอบ เพื่อให้สมดุลและพร้อมที่จะรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวางทั้งด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี


การปฏิบัติตนตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง

1. ยึดความประหยัด ตัดทอนค่าใช้จ่ายในทุกด้าน ลดละความฟุ่มเฟือยในการดำรงชีพอย่างจริงจัง ดังพระราชดำรัสว่า . . . ความเป็นอยู่ที่ต้องไม่ฟุ้งเฟ้อ ต้องประหยัดไปในทางที่ถูกต้อง
2. ยึดถือการประกอบอาชีพด้วยความถูกต้อง สุจริต แม้จะตกอยู่ในภาวะขาดแคลนในการดำรงชีพก็ตาม ดังพระราชดำรัสที่ว่า . . . ความเจริญของคนทั้งหลายย่อมเกิดมาจาก การประพฤติชอบและการหาเลี้ยงชีพ ของตนเป็นหลักสำคัญ. . .
3. ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์และแข่งขันกันในทางการค้าขายประกอบอาชีพแบบต่อสู้กันอย่างรุนแรงดังอดีต ซึ่งมีพระราชดำรัสเรื่องนี้ว่า . . . ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึงความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาได้ด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนา และการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น. . .
4. ไม่หยุดนิ่งที่จะหาทางในชีวิตหลุดพ้นจากความทุกข์ยากครั้งนี้ โดยต้องขวนขวายใฝ่หาความรู้ให้เกิดมีรายได้เพิ่มพูนขึ้นจนถึงขั้นพอเพียงเป็นเป้าหมายสำคัญ พระราชดำรัสตอนหนึ่งที่ให้ความชัดเจนว่า . . . การที่ต้องการให้ทุกคนพยายามที่ จะหาความรู้ และสร้างตนเองให้มั่นคงนี้เพื่อตนเอง เพื่อที่จะให้ตัวเองมีความเป็นอยู่ที่ก้าวหน้า ที่มีความสุข พอมีพอกินเป็นขั้นหนึ่ง และขั้นต่อไป ก็คือให้มีเกียรติว่ายืนได้ด้วยตัวเอง. . .
5. ปฏิบัติตนในแนวทางที่ดีลดละสิ่งยั่วกิเลสให้หมดสิ้นไป ทั้งนี้ด้วยสังคมไทยที่ล่มสลายลงในครั้งนี้ เพราะยังมีบุคคลจำนวนมิใช่น้อยที่ดำเนินการโดยปราศจากละอายต่อแผ่นดิน พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราโชวาทว่า . . . พยายามไม่ก่อความชั่วให้เป็นเครื่องทำลายตัว ทำลายผู้อื่น พยายามลด พยายามละความชั่วที่ตัวเองมีอยู่ พยายามก่อความดีให้แก่ตัวอยู่เสมอ พยายามรักษา และเพิ่มพูนความดีที่มีอยู่นั้น ให้งอกงามสมบูรณ์ขึ้น. . .
ทรงย้ำเน้นว่าคำสำคัญที่สุดคือ คำว่า "พอ" ต้องสร้างความพอที่สมเหตุสมผลให้กับตัวเองให้ได้และเราก็จะพบกับความสุข

การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม

ความหมายของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม


การอนุรักษ์ (Conservation) หมายถึง การรู้จักการใช้ทรัพยากรอย่างชาญฉลาดได้เป็นประโยชน์ต่อมหาชนมากที่สุดและใช้ได้เป็นเวลายาวนานที่สุด ทั้งนี้ต้องให้สูญเสียทรัพยากรโดยเปล่าประโยชน์น้อยที่สุด และต้องกระจายการใช้ประโยชน์โดยทั่วถึงกันด้วย การอนุรักษ์ไม่ใช่เป็นการเก็บรักษาทรัพยากรไว้เฉย ๆ แต่เป็นการนำมาใช้ประโยชน์ให้ถูกต้องตามกาลเทศะนั่นเอง (นิวัติ, 2537)
สาเหตุที่ต้องมีการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ความเจริญส่วนใหญ่ของมนุษย์ขึ้นอยู่กับปริมาณของการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ถึงแม้จะมีความก้าวหน้าทางด้านวิชาการเพียงใด แต่ปริมาณของวัตถุดิบที่ จำเป็นในการพัฒนากิจกรรมอุตสาหกรรมก็ยังเป็นหลักใหญ่ที่จะบันดาลให้เศรษฐกิจของประเทศเจริญก้าวหน้าไปได้หรือไม่ ความเจริญทางเศรษฐกิจของประเทศที่ก้าวหน้าทั้งหลายล้วนแต่มีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นทุนสำคัญ ทั้งนี้เพราะประเทศที่ขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาตินั้นแม้ว่าจะมีความเจริญทางด้านอื่น แต่ยังเสียเปรียบในเรื่องความสมบูรณ์พูนสุขที่ประชากรของตนจะได้รับ เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติมากกว่าในแง่เศรษฐกิจ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่ง ที่ก่อให้เกิดการผลิตเพื่อสนองความต้องการของมนุษย์ การผลิตมีองค์ประกอบที่สำคัญ คือ

1. ทุน (Capital)
2. วิทยาการและการประดิษฐ์ (Technology and Innovation)
3. ทรัพยากร (Resources) แบ่งออกเป็นทรัพยากรธรรมชาติ และทรัพยากรมนุษย์ การผลิตในด้านเศรษฐกิจแยกออกได้เป็นการผลิตสิ่งของและบริการ ทรัพยากรธรรมชาติจะถูกนำมาใช้ในการผลิตทั้งในภาคการเกษตรและอุตสาหกรรม ในด้านการเกษตร
ทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นปัจจัยการผลิตโดยตรงได้แก่ ดิน น้ำ ส่วนทางด้านอุตสาหกรรม ได้แก่ สินแร่ และพลังงาน อย่างไรก็ตามทรัพยากรธรรมชาติจะมีประโยชน์ต่อเมื่อได้นำออกมาใช้เพื่อเศรษฐกิจและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติในด้านเศรษฐกิจนั้นจะต้องคำนึงถึงหลักการอนุรักษ์ และการจัดการทรัพยากรธรรมชาติพร้อมกันไปด้วย ปัจจุบันเราต้องยอมรับความจริงว่าทรัพยากรมีอยู่จำกัด ทรัพยากรต่าง ๆ มีวันที่จะหมดไป ถ้าไม่หมดหรือสูญหายอาจเปลี่ยนสภาพที่ทำให้ไม่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์สภาพปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นจากน้ำมือของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาดินเสื่อมคุณภาพ พื้นที่ป่าไม้สัตว์ป่าลดจำนวนลง โดยเฉพาะป่าชื้นเขตร้อน (ป่าดงดิบ) ที่เปรียบเสมือนมหาสมุทร สีเขียวบนพื้นโลก ป่าชื้นเขตร้อนเป็นแหล่งกำเนิดของสิ่งมีชีวิตไม่ว่าจะเป็นพันธุ์พืช สัตว์นานาชนิดตลอดจนต้นน้ำลำธาร ที่หล่อเลี้ยงโลกให้ชุ่มชื้นและมีอุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตนอกจากนี้ยังทำหน้าที่ควบคุมภูมิอากาศ จะเห็นได้ว่าภัยพิบัติที่เกิดจากความแห้งแล้ง ซึ่งเพิ่มความแห้งแล้งมากขึ้นทุกปี เป็นผลมาจากจำนวนมนุษย์ที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศโลกที่สาม ความต้องการเพิ่มพื้นที่การเกษตรทำให้มนุษย์หักร้างถางพง เผาป่าทำไร่เลื่อนลอยใช้ปุ๋ยและยาฆ่าแมลง เพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร ทำให้มีสิ่งปนเปื้อนอยู่ในแหล่งน้ำตั้งแต่ต้นแม่น้ำจนถึงปากแม่น้ำ จนกระทั้งทะเล มหาสมุทร ขณะที่ในอากาศมีปัญหาเรื่องมลพิษที่เกิดจากการเผาไหม้ของน้ำมันเชื้อเพลิงที่ไม่สมบูรณ์ รวมไปถึงการปล่อยควันที่มีส่วนประกอบที่ไม่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ จากโรงงานอุตสาหกรรม การขาดแคลนอาหาร และพลังงาน ในบางส่วนของโลกเกิดขึ้นเพราะประชากรกำลังจะล้นโลก เหล่านี้ล้วนเป็นภัยอันตรายที่มนุษย์กำลังเผชิญอยู่ และต้องประสบปัญหามากยิ่งขึ้นต่อไปในอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้มนุษย์ถือว่าตนเองเป็นเจ้าแห่งทรัพยากรทั้งหลายที่มีอยู่ในโลก มนุษย์พยายามใช้ทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวด-ล้อม ในการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ ใช้พลังงานจากสมองคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ ทั้งทางวิศวกรรม การแพทย์ไว้รับใช้และปกป้องชีวิตของมนุษย์ให้ยืนยาว จากข้างต้นโดยสรุปสาเหตุหลักที่ต้องมีการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีดังนี้
1) ข้อจำกัดในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ
2) การเพิ่มขึ้นของประชากรมนุษย์ในอนาคต
3) การใช้ทรัพยากรธรรมชาติในการพัฒนาเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น
4) ความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติทวีมากขึ้น
5) เป็นการแสดงออกทางวัฒนธรรมของสังคมที่เจริญ
หลักการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนั้น ต้องมีหลักการเพื่อเป็นพื้นฐาน ดังต่อไปนี้

1) ทรัยพากรธรรมชาติแต่ละชนิดต่างมีความสัมพันธ์ซี่กันและกันอย่างใกล้ชิด การกระทำต่อทรัพยากรธรรมชาติประเภทใดประเภทหนึ่ง จะมีผลต่อทรัพยากรธรรมชาติประเภทอื่นอย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก จึงควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนที่จะนำมาใช้ประโยชน์
2) การทำลายทรัพยากรธรรมชาติด้วยสาเหตุใดก็ตามเท่ากับเป็นการทำลายคุณภาพชีวิตและความเจริญของประเทศ แต่ก็ต้องยอมรับว่าทุกครั้งที่มีการใช้หรือแปรเปลี่ยนสภาพของทรัพยากรธรรมชาติจะต้องมีการสูญเสียทุกครั้งไป ดังนั้นจึงต้องให้สูญเสียน้อยที่สุด
3) การอนุรักษ์มีความเกี่ยวข้องกับมนุษย์ทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในเมืองหรือชนบท อาชีพใดๆ ก็ตาม เนื่องจากทุกคนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้ทรัพยากรธรรมชาติทั้งสิ้น
4) การวางแผนการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ต้องไม่แยกมนุษย์ออกจากสภาพแวดล้อมทางสังคมหรือทางธรรมชาติ
5) การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติต้องให้เกิดประโยชน์กับมหาชนให้มากที่สุด และให้อยู่นานที่สุด เท่าที่จะกระทำได้
6) ประหยัดทรัพยากรธรรมชาติที่หายากและใกล้สูญพันธุ์
7) เมื่อทรัพยากรธรรมชาติชนิดใดชนิดหนึ่งเสื่อมโทรม ต้องมีการปรับปรุงและซ่อมแซมให้คืนสภาพเสียก่อนแล้วจึงค่อยนำไปใช้ จะทำให้ระบบสิ่งแวดล้อมดีขึ้น
8) การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอาจต้องพิจารณาร่วมกันในด้านเศรษฐกิจและทางนิเวศวิทยา ต้องเป็นการใช้ตามหลักการทางนิเวศพัฒนา (Ecodevelopment)
วิธีการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ใช้ในปัจจุบัน การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยทั่ว ๆ ไป มีวิธีการหลายรูปแบบ ดังนี้

1) การถนอมและรักษา
2) การบูรณะฟื้นฟู
3) การลดปริมาณของเสีย

(1) การหมุนเวียนกลับมาใช้ (Recycle)
(2) การใช้ซ้ำ (Reuse)
(3) การซ่อมแซม (Repair)
(4) การลดปริมาณการใช้ (Reduce)
(5) การปฏิเสธการใช้ (Reject)

4) การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน
5) การใช้สิ่งอื่นทดแทน
6) การค้นหาทรัพยากรแหล่งอื่นมาใช้
ไข้หวัดหมู

ลอนดอน 27 เม.ย.- เว็บไซต์บีบีซีตีพิมพ์ข้อมูลให้ความรู้ เกี่ยวกับโรคไข้หวัดหมู โดยระบุว่า ไข้หวัดหมูแท้จริงแล้วเป็นโรคทางเดินหายใจ ที่พบในหมู มีสาเหตุมาจากไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ ก่อให้เกิดอาการป่วยแต่มักจะไม่ถึงขั้นเสียชีวิต
ไข้หวัดหมู ส่วนใหญ่มักแพร่ระบาดในช่วง ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว แต่สามารถพบเชื้อได้ตลอดทั้งปี ไข้หวัดหมูมีหลายสายพันธุ์เช่นเดียวกับไข้หวัดที่พบในคน และเชื้อจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ตามปกติ คนจะไม่ติดเชื้อไข้หวัดหมู ยกเว้นผู้ที่ไปสัมผัสใกล้ชิดกับหมู ก็อาจติดเชื้อไข้หวัดหมูมาได้ แต่มักไม่ค่อยพบกรณีนี้ ทั้งยังไม่ค่อยพบกรณีไข้หวัดหมูระบาดจากคนสู่คนอีกด้วย แต่ถ้าพบ ก็มักเป็นการติดเชื้อผ่านการไอและจาม
แต่ถึงกระนั้น การระบาดของไข้หวัดหมูในครั้งนี้ เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า มีการแพร่เชื้อจากคนสู่คน และอาการก็เหมือนไข้หวัดธรรมดาทั่วไป องค์การอนามัยโลกยืนยันว่า ผู้ป่วยบางรายในนี้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ สายพันธุ์ เอช 1 เอ็น 1 ซึ่งเป็นสายพันธุ์พิเศษในแบบที่พบทั้งในคน นก และหมู ไวรัสเอช 1 เอ็น 1 ในรูปแบบใหม่นี้อาจเกิดจากการผสมของไวรัสหลายสายพันธุ์รวมกัน ซึ่งตามปกติ ไวรัสไข้หวัดจะสามารถกลายพันธุ์ได้ตลอดเวลาเมื่อมีการแลกเปลี่ยนลักษณะทาง พันธุกรรมกับไวรัสไข้หวัดด้วยกัน
ข้อมูลจากเว็บไซต์บีบีซี ยังยืนยันว่า สามารถกินเนื้อหมูได้ตามปกติในช่วงนี้ เพราะยังไม่มีหลักฐานว่า ไข้หวัดหมูจะแพร่ผ่านจากการกินเนื้อที่ปรุงมาจากหมูซึ่งป่วยเป็นไข้หวัด แต่เนื้อหมูที่นำมาปรุงเป็นอาหาร ควรทำให้สุกผ่านอุณหภูมิสูงถึง 70 องศาเซลเซียส เพื่อฆ่าเชื้อไวรัสให้ตายเสียก่อน
องค์การอนามัยโลกยัง ระบุถึงกรณีพบผู้ติดเชื้อไข้หวัดหมูในเม็กซิโกและสหรัฐว่า ก่อให้เกิดความวิตกที่เชื้ออาจแพร่ลามระบาดไปทั่วโลก และย้ำว่า สถานการณ์ในขณะนี้ อยู่ในภาวะที่น่าเป็นห่วง แต่ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินสถานการณ์ได้อย่างครบถ้วนในตอนนี้ เพียงแต่คาดว่า สถานการณ์กำลังดูคล้ายกับเมื่อคราวที่เกิดการระบาดของไข้หวัดเมื่อปี 2511 ซึ่งตรวจพบที่ฮ่องกงเป็นที่แรก เกิดจากไวรัสสายพันธุ์ เอช 3 เอ็น 2 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตสูงถึง 1 ล้านคนทั่วโลก โดยผู้ที่มีอายุเกิน 65 ปี มีแนวโน้มจะเสียชีวิตมากที่สุด
เป็นที่น่าสังเกตว่า เหยื่อที่ติดเชื้อไข้หวัดหมูในขณะนี้ ส่วนใหญ่เป็นคนวัยหนุ่มสาว ทั้งที่ตามปกติ ผู้สูงอายุจะเป็นกลุ่มที่ติดไข้หวัดได้ง่ายที่สุด ทางการสหรัฐย้ำว่า ยาทามิฟลู และรีเลนซา ยังคงใช้รักษาอาการหวัดอย่างได้ผลในตอนนี้ แต่ยังไม่แน่ชัดว่า วัคซีนไข้หวัดที่คิดค้นได้ในปัจจุบัน จะใช้ป้องกันไข้หวัดที่กลายพันธุ์ไปจากเดิมได้หรือไม่ เช่น ไข้หวัดหมูสายพันธุ์ล่าสุด
ส่วนไข้หวัดนกที่คร่าชีวิตผู้คนในเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้เป็นจำนวนมากในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เป็นคนละสายพันธุ์กับไข้หวัดหมู โดยไข้หวัดนกเป็นไวรัสสายพันธุ์ เอช 5 เอ็น 1 แต่ไข้หวัดหมู เป็นไวรัส เอช 1 เอ็น 1 สายพันธุ์ใหม่

ผู้เชี่ยวชาญกำลังวิตกว่า อาจเกิดการระบาดของไวรัส เอช 1 เอ็น 1 เพราะเป็นไวรัสที่กลายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว และขณะนี้ ก็เกิดการติดต่อจากคนสู่คน ต่างจากไวรัส เอช 5 เอ็น 1 ซึ่งยังไม่สามารถแพร่จากคนสู่คนได้อย่างง่าย ๆ. -สำนักข่าวไทย
พบผู้ติดเชื้อไข้หวัด 2009 แล้ว 1,893 ระบาด 23 ประเทศ


>> การใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ Notebook กับ Projector

การใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ Notebook กับ Projectorปัญหา เครื่องคอมพิวเตอร์ Notebook ไม่สามารถใช้กับโปรเจคเตอร์นั้นมีมากทีเดียว กว่าร้อยละ 80 เกิดจากคอมพิวเตอร์ Notebook นั้นเอง นั่นคืออาจเกิดจาก driver ของคอมพิวเตอร์ Notebook มีปัญหา หรืออาจเกิดจากการปรับตั้งไม่ถูกต้อง ซึ่งวิธีตรวจสอบเบื้องต้นง่ายๆ คือนำเครื่องคอมพิวเตอร์ Notebook มาต่อเข้ากับจอมอนิเตอร์ของคอมพิวเตอร์ก่อนที่จะนำไปใช้กับโปรเจคเตอร์ในเรื่องของการต่อเชื่อมนั้น คอมพิวเตอร์สมัยใหม่จะมีการส่งข้อมูลระหว่าง Notebook กับจอมอนิเตอร์หรือโปรเจคเตอร์ ฉะนั้นคุณจะต้องต่อเชื่อมสายสัญญาณ VGA ให้เสร็จ ก่อนจะเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ ส่วนโปรเจคเตอร์ก็ให้ Standby หรือเปิดเครื่องไว้ได้เลยครับ หลังจากเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว เครื่องจะทำการ detect อัตโนมัติ เครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ๆ ส่วนใหญ่จะปรับตั้งให้สามารถแสดงภาพออกทาง Port VGA out ( หรือบางเครื่องเรียก Monitor out) ได้ทันที แต่บางเครื่องต้องกดปุ่ม Function ( ปุ่ม Fn ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ทางซ้ายล่างของคีย์บอร์ด) พร้อมกับปุ่ม Function Key เพื่อให้แสดงภาพคอมพิวเตอร์ออกทางช่อง VGA out ได้นั้นมันจะเป็นรูปหน้าจอคอมพิวเตอร์/หน้าจอ LCD ของ Notebook หรือเขียนคำว่า MONITOR หรือ LCD ซึ่งคอมพิวเตอร์แต่ละรุ่นจะมีตำแหน่งของ Function Key แตกต่างกันไป แม้แต่ยี่ห้อเดียวกันถ้าต่างรุ่น Function Key ก็อาจจะอยู่ต่างตำแหน่งกัน เช่นบางเครื่องอยู่ที่ F3 บางเครื่องอยู่ที่ F8 เป็นต้น เมื่อกดปุ่ม Function พร้อมกับ Function Key ครั้งแรกอาจจะแสดงภาพออกเฉพาะโปรเจคเตอร์ ให้กดอีกครั้งภาพจะแสดงออกทั้งหน้าจอของคอมพิวเตอร์ Notebook พร้อมๆ กับโปรเจคเตอร์ และเมื่อกดอีกครั้งภาพจะกลับมาแสดงเฉพาะจอของ Notebook เหมือนเดิม บางครั้งการกดอาจไม่ได้เรียงลำดับแบบนี้อาจมีการสลับกันได้เครื่องคอมพิวเตอร์ notebook บางเครื่องไม่สามารถแสดงภาพออกทางโปรเจคเตอร์ได้พร้อมกับจอของคอมพิวเตอร์ Notebook แม้ว่าตอน Boot เครื่องจะมีข้อความแสดงออกทางโปรเจคเตอร์อยู่ก็ตามแต่เมื่อเข้าสู่ระบบ ปฏิบัติการแล้ว ไม่สามารถแสดงพร้อมกันได้ คือต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ฉะนั้นควรต้องศึกษาคุณสมบัติของคอมพิวเตอร์ Notebook ให้ดีก่อนซื้อ
เครื่องคอมพิวเตอร์ Notebook บางเครื่องต้องเข้าไป set ใน properties ของหน้าจอก่อน ซึ่งสามารถทำได้ดังขึ้นตอนต่อไปนี้1. คลิ๊กปุ่มขวาของเมาส์บน wallpaper2. จะปรากฏเมนูขึ้นมาให้เลือก properties3. จะปรากฏเมนูอีกอันขึ้นมาแทนให้เลือก setting4. เลือก Advance5. เลือก Monitor6. เลือก ระหว่าง LCD. ของคอมพิวเตอร์ Notebook หรือ Monitor หรือ เลือกให้ออกทั้งสองอย่างพร้อมกัน ถ้าเลือก Monitor ภาพก็จะแสดงออกทางโปรเจคเตอร์ ( ขั้นตอนนี้อาจไม่เหมือนกันแล้วแต่ driver ของผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ Notebook บางเครื่องก็อาจจะเลือกให้แสดงพร้อมกันไม่ได้ )นอกจากนี้บางครั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ก็อาจตั้งความถี่ในการ refresh rate ไม่ถูกต้องทำให้ภาพที่ฉายออกทางโปรเจคเตอร์สั่น หรือภาพอาจไม่อยู่ในตำแหน่ง หรือภาพอาจจะขาดหายได้ โดยเฉพาะโปรเจคเตอร์รุ่นเก่าๆที่ยังไม่ได้แก้ปัญหานี้ ก็ควรจะตั้ง refresh rate ของคอมพิวเตอร์ให้ถูกต้องด้วยถ้าเครื่องคอมพิวเตอร์ Notebook ของคุณไม่สามรถแสดงภาพออกพร้อมๆ กัน ทั้งมอนิเตอร์ของคอมพิวเตอร์และโปรเจคเตอร์แล้วละก็ อาจพอมีทางแก้โดยใช้เครื่องกระจายสัญญาณ VGA ชนิดเข้า 1 ออก 2 โดยต่อเครื่องกระจายสัญญาณเข้ากับคอมพิวเตอร์ Notebook และต่อโปรเจคเตอร์เข้ากับเครื่องกระจายสัญญาณ จากนั้นให้หาจอมอนิเตอร์มาต่อเข้ากับเครื่องกระจายสัญญาณ เท่านี้ก็สามารถดูภาพจากหน้าจอมอนิเตอร์ไปพร้อมๆ กับโปรเจคเตอร์ได้แล้วครับหวังว่าบทความนี้คงช่วยคุณในการใช้คอมพิวเตอร์ Notebook และโปรเจคเตอร์ของคุณได้ดีขึ้นครับ